บร้ษัทที่ 3 เป็นบร้ษัท ที่ลงทุนไปมากมาย ดังเซ่นบร้ษัทที่ 2 แต่ต่างกันตรงที่ไม่สามารถสร้างกระแสเงินสดออกมา ได้ เรือยางเป่าลม อาจจะเป็นเพราะการลงทุนที่ผิดพลาด หร้ออาจจะเกิดจากการ “ไซ่ฟ่อนเงินออก” โดยอาจจะเป็นการลงทุนในสินทรัพย์ ที่ไม่ก่อให้เกิดกำไร แต่ช้าก่อน!! ก่อนที่จะติความอย่างนั้น เราคงต้องไปดูอีกทีว่า อาจจะเกิดจากการทำธุรกิจที่มีเครดิต เทอมที่ยาวนาน เซ่น โครงการของรัฐบาล ก็เป็นได้ ทำให้เงินสดไปจมอยู่ที่ลูกหนี้การค้า (ในกรณีนี้สินทรัพย์การ ดำเนินงานจะเพิ่มฃึน เงินสดในกิจกรรมการดำเนินงานก็จะลดลง) หร้ออาจจะเกิดจากการลงทุนระยะยาว ซึ่งจะเก็บเกี่ยว ดอกผลอันยิ่งใหญ่ในภายภาคหน้าก็ได้ (ซึ่งจะอธิบายต่อในบร้ษัทที่ 6)
บริษัทที่ 4 เรือยางเป่าลม intex เป็นบริษัทที่กิจกรรมการดำเนินงาน ไม่สามารถสร้างกระแสเงินสดได้แล้ว คือ เงินสดติดลบ จึงมีการขายทรัพย์สินออกมาบร้หารกิจการ และเอาออกมาปันผล (ปันผลโดยใช้กำไรสะสม) ซึ่งบางบร้ษัท อาศัยจังหวะ “เฮือกสุดท้าย” นี้ในการเปลี่ยนโมเดลธุรกิจ และบุกเบิกกิจการใหม่ จนรํ่ารวยกลับมาเป็นหุ้นเติบโตอีกครั้งก็มีมาแล้ว
บร้ษัทที่ 5 เป็นบร้ษัทที่กำลังจะยํ่าแย่ เพราะนอกจากกิจกรรมการดำเนินงานจะไม่สามารถสร้างเงินสดได้แล้ว ก็ ยังคงกู้เงินเช้ามาลงทุนเพิ่มอีก เรือยางติดเครื่องยนต์ แต่ก็ไม่ทำให้สถานะการณ์คืฃึน คืไม่ดีอาจจะทำให้มองได้ว่า อาศัย “เฮือกสุดท้าย” นี้ ในการกู้เงินและใช่ฟ่อนเงินออกมา บางครั้งหนักข้อถึงขนาด “เพิ่มทุนชำซาก” เพิ่มไปก็เอาไปลงทุน ลงทุนแล้วก็ไม่มีกำไร (สังเกตง่ายๆ กิจกรรมการดำเนินงาน ไม่มีเงินไหลเช้า) แล้วก็ยังคงเพิ่มทุนไปเรอยๆ เพื่อดูดเงินจาก “รายย่อย” ตรงนิหมี ขอให้ข้อสังเกตอยู่นิดหนึ่งว่า “ไม่มีหุ้นดีๆ ที่ไหนหรอก ที่ไปเพิ่มทุนจากผู้ถึอหุ้นเดิมโดยการเพิ่มทุน” คือ ถ้าเพิ่มทุนนานๆ ครั้งอาจจะพอยอมรันกันได้ แต่ถ้าเพิ่มทุน “ถี่” และ”ละลายเงินออกไปเร็ว” เรือยางมือสอง อันนี้ไม่ใช่เรองดีแน่ๆ ต้องหลีกเลี่ยงหุ้นพวกนี้
บร้ษัทที่ 6 บร้ษัทสุดท้าย ก็คือ บร้ษัทที่ผ่านช่วงของการลงทุนและอยู่ในช่วงเก็บเกี่ยวแล้ว หลายๆ ครั้งจะพบใน หุ้นวัฏจักร (พวก commodity ต่างๆ) ที่ในบางช่วงเวลาที่การประกอบกิจการยํ่าแย่ แต่ก็อาศัยช่วงที่วัฏจักรเป็นขาลง ลงทุน เพิ่มเพื่อรอวัฎจักรฃาฃึน (บางบร้ษัท ใช้โอกาสนี้กู้เงินมาซือสินทรัพย์จากบร้ษัทที่ล้มลาย อันเนื่องมาจากอุตสาหกรรมขา ลง) ดังนั้น งบกระแสเงินสดของบร้ษัทเหล่านี้ก็จะมีช่วงเวลา “ฟักตัว” คือ ช่วงแรกมีการกู้เงินมามาก ทำให้กระแสเงินสด จากกิจกรรมการจัดหาเงินเป็นบวก ในขณะที่มีการลงทุนสูง สูบเงินเช้าไปกิจกรรมการลงทุน (ที่อาจจะไม่เห็นผล) ในขณะ ที่ช่วงปีแรกๆ เรือยางตกปลา พร้อมเครื่อง กระแสเงินสดจากกิจกรรมการดำเนินงานยังไม่เพิ่มฃึน (หรออาจจะลดลง) แต่พอถึงช่วงเวลาที่เหมาะสม กิจกรรมการดำเนินงานก็จะทำกำไรได้สูงฃึนมาก และจะ
บริษัทที่ 4 เรือยางเป่าลม intex เป็นบริษัทที่กิจกรรมการดำเนินงาน ไม่สามารถสร้างกระแสเงินสดได้แล้ว คือ เงินสดติดลบ จึงมีการขายทรัพย์สินออกมาบร้หารกิจการ และเอาออกมาปันผล (ปันผลโดยใช้กำไรสะสม) ซึ่งบางบร้ษัท อาศัยจังหวะ “เฮือกสุดท้าย” นี้ในการเปลี่ยนโมเดลธุรกิจ และบุกเบิกกิจการใหม่ จนรํ่ารวยกลับมาเป็นหุ้นเติบโตอีกครั้งก็มีมาแล้ว
บร้ษัทที่ 5 เป็นบร้ษัทที่กำลังจะยํ่าแย่ เพราะนอกจากกิจกรรมการดำเนินงานจะไม่สามารถสร้างเงินสดได้แล้ว ก็ ยังคงกู้เงินเช้ามาลงทุนเพิ่มอีก เรือยางติดเครื่องยนต์ แต่ก็ไม่ทำให้สถานะการณ์คืฃึน คืไม่ดีอาจจะทำให้มองได้ว่า อาศัย “เฮือกสุดท้าย” นี้ ในการกู้เงินและใช่ฟ่อนเงินออกมา บางครั้งหนักข้อถึงขนาด “เพิ่มทุนชำซาก” เพิ่มไปก็เอาไปลงทุน ลงทุนแล้วก็ไม่มีกำไร (สังเกตง่ายๆ กิจกรรมการดำเนินงาน ไม่มีเงินไหลเช้า) แล้วก็ยังคงเพิ่มทุนไปเรอยๆ เพื่อดูดเงินจาก “รายย่อย” ตรงนิหมี ขอให้ข้อสังเกตอยู่นิดหนึ่งว่า “ไม่มีหุ้นดีๆ ที่ไหนหรอก ที่ไปเพิ่มทุนจากผู้ถึอหุ้นเดิมโดยการเพิ่มทุน” คือ ถ้าเพิ่มทุนนานๆ ครั้งอาจจะพอยอมรันกันได้ แต่ถ้าเพิ่มทุน “ถี่” และ”ละลายเงินออกไปเร็ว” เรือยางมือสอง อันนี้ไม่ใช่เรองดีแน่ๆ ต้องหลีกเลี่ยงหุ้นพวกนี้
บร้ษัทที่ 6 บร้ษัทสุดท้าย ก็คือ บร้ษัทที่ผ่านช่วงของการลงทุนและอยู่ในช่วงเก็บเกี่ยวแล้ว หลายๆ ครั้งจะพบใน หุ้นวัฏจักร (พวก commodity ต่างๆ) ที่ในบางช่วงเวลาที่การประกอบกิจการยํ่าแย่ แต่ก็อาศัยช่วงที่วัฏจักรเป็นขาลง ลงทุน เพิ่มเพื่อรอวัฎจักรฃาฃึน (บางบร้ษัท ใช้โอกาสนี้กู้เงินมาซือสินทรัพย์จากบร้ษัทที่ล้มลาย อันเนื่องมาจากอุตสาหกรรมขา ลง) ดังนั้น งบกระแสเงินสดของบร้ษัทเหล่านี้ก็จะมีช่วงเวลา “ฟักตัว” คือ ช่วงแรกมีการกู้เงินมามาก ทำให้กระแสเงินสด จากกิจกรรมการจัดหาเงินเป็นบวก ในขณะที่มีการลงทุนสูง สูบเงินเช้าไปกิจกรรมการลงทุน (ที่อาจจะไม่เห็นผล) ในขณะ ที่ช่วงปีแรกๆ เรือยางตกปลา พร้อมเครื่อง กระแสเงินสดจากกิจกรรมการดำเนินงานยังไม่เพิ่มฃึน (หรออาจจะลดลง) แต่พอถึงช่วงเวลาที่เหมาะสม กิจกรรมการดำเนินงานก็จะทำกำไรได้สูงฃึนมาก และจะ